มาชม Zune World กันต่อเลยครับ
DJ ส่วนตัวกับ Autoplaylist
แน่นอนว่าทุกการใช้งาน Media Player ผู้ใช้หลายๆ คนมักจะชอบทำการตั้งรายชื่อเพลงส่วนตัว (Playlist) สำหรับใส่เพลงที่ชอบ หรือเก็บเป็นแนวเพลงต่างๆ แต่ Zune Software มีลูกเล่นในส่วนนี้ให้มากกว่านั้น กับความสามารถ Autoplaylist ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ใช้เป็น DJ ด้วยตนเอง โดยการตั้งค่าของ Autoplaylist นั้นจะไม่เหมือนกับ Playlist ที่เพียงแค่ทำการใส่เพลง และเล่นเท่านั้น แต่จะเป็นการคัดกรองเพลง (Music Filter) ต่างๆ เพื่อหยิบขึ้นมาเล่นไม่ว่าจะเป็นอัลบั้ม, ประเภทของเพลง, ความยาวในแต่ละเพลง (Song Play), ปีที่วางจำหน่าย (Year) หรือการกำหนดจำนวนเพลง หรือนาทีทั้งหมดใน Autoplaylist เป็นต้น เรียกว่าเพิ่มรายละเอียดต่างๆ ให้มากยิ่งขึ้นให้ผู้ใช้ได้อัลบั้มเพลงส่วนตัวที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
นอกจากนี้จะมีในส่วนของการใช้งาน Smart DJ ในกรณีที่เลือกใช้งาน Zune Marketplace ซึ่งผู้ใช้สามารถที่จะเลือกเพลง (ยังรองรับเฉพาะเพลงต่างประเทศเท่านั้น) เล่นเพลงที่ผ่านการมิกซ์ (Mix)เสียงบน Zune Software ได้เลย โดยสามารถเล่นผ่านทางการใช้งาน Collection ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกได้ตามต้องการ อีกทั้งยังสามารถที่จะทำการเลือกเพลงผ่านทาง Zune Marketplace ได้ด้วยการใช้งานบริการเสริมอย่าง Zune Pass โดยผู้ใช้สามารถทำการสร้าง Smart DJ Playlist ส่วนตัวเพื่อทำการเชื่อมต่อเข้ากับ Zune Player หรือบน Windows Phone 7ได้อีกด้วย
แก้ไข แบ่งปัน ถ่ายทอดเรื่องราว
Zune Software รองรับการรับชมภาพผ่านทางโปรแกรมในรูปแบของ Slide Show ซึ่งผู้ใช้สามารถปรับความเร็วในการของ Slide Show ได้ตามต้องการ อย่างไรก็ดีผู้ใช้ก็สามารถทำการปรับแต่ง และแบ่งปันภาพได้โดยผ่านการใช้งาน Windows Live Photo Gallery ซึ่งสามารทำการปรับแต่ง (Edit) สีสันความคมชัดของภาพ หรือแบ่งปัน (Share) ไปยังบุคคลอื่นๆ ผ่านทางรูปแบการแบ่งปันต่างๆ นอกจากนี้การใช้งาน Zune Software ผู้ใช้ยังสามารถทำการนำไฟล์มัลตีเดียต่างๆ มาตัดต่อเป็นภาพยนตร์ได้ตามต้องการ โดยมีขั้นตอนการใช้งานได้เพียงเลือกภาพ หรือวิดีโอที่ต้องการคลิ๊กขวาเลือกไปที่ Create a Movieผ่านทางการใช้งาน Windows Live Movie Maker บนหน้าจอหลัก Windows Live Movie Maker จะปรากฏแถบเครื่องมือให้เลือกใช้งานมากมายไม่ว่าจะเป็นการแทรกไฟล์รูปแบบต่างๆ, การใส่ Animation หรือในส่วนของการใช้งาน Themes เป็นต้น ให้ผู้ใช้สามารถที่ทำการปรับแต่งได้ตามต้องการ
ในส่วนของการโอนถ่ายภาพนิ่ง หรือวิดีโอนั้น นอกจากจะแบ่งปัน หรือแก้ไขปรับแต่งต่างๆ แล้วในส่วนของไฟล์เองนั้นก็สามารถที่จะทำการปรับขนาดสำหรับในการเชื่อมต่อได้ด้วย ซึ่งในการตั้งค่าการใช้งานภาพ และวิดีโอ สามารถทำการตั้งค่าได้ตั้งแต่ในส่วนของการคัดลอก (Copy) ภาพนิ่ง และวิดีโอที่ถูกบันทึกด้วยกล้องดิจิตอลบนเครื่องว่าเมื่อทำการคัดลอกแล้วจะลบทิ้งไปเลย หรือยังคงเก็บเอาไว้,เลือกโฟลเดอร์ในการคัดลอกข้อมูลบนเครื่องคอมพิวเตอร์, เลือกคุณภาพของภาพ (Pictures Quality) ที่จะทำการซิงค์ข้อมูล โดยมีให้เลือกใช้งานได้ 3 ระดับ และสุดท้ายคือการรองรับการอัพโหลดภาพผ่านทาง photo.live.com เป็นต้น
Podcasts
พอดแคสท์นั้นเป็นการนำเสนอรูปแบบของเสียงหรือวีดีโอที่มีการจัดทำเป็นตอนๆ เราสามารถเข้าชมหรือฟังเมื่อไรก็ตาม โดยลักษณะของพอดแคสต์จะมีการจัดเตรียมไว้ล่วงหน้า อย่างเช่นรายงานข่าวย้อนหลัง, เรื่องเล่าต่างๆ หรือในส่วนของการบรรยายเชิงวิชาการต่างๆ เป็นต้น ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อผู้ใช้ในการนำมาฟัง หรือรับชมในอนาคต โดยสำหรับการใช้งานบน Zune Software นั้นผู้ใช้สามารถทำการค้นหา URL มาใส่ไว้เพื่อเข้าถึงการใช้งาน หรือใช้งานรับฟัง หรือดาวน์โหลดได้ผ่านทาง Zune Marketplace ได้เลยโดยตรง
Zune Marketplace
Marketplace คือแหล่งรวบรวมความบันเทิงต่างๆ บน Zune ซึ่งผู้ใช้สามารถที่จะเข้าถึงไม่ว่าจะเป็นในส่วนของเพลง, วิดีโอ, รายการทีวี (TV Show) รวมไปถึงแอพพลิเคชันบน Windows Phone 7 ซึ่งการใช้งานทั้งหลายนี้ผู้ใช้สามารถที่จะทำการเช่าซื้อ (Rent) หรือซื้อขาด (Purchase) ผ่านทางการใช้งาน Microsoft Point ซึ่งการใช้งานในส่วนนี้นั้นจะเป็นการใช้งานที่ยังไม่รองรับการใช้งานในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เนื่องจากการซื้อ Microsoft Point นั้นต้องทำการซื้อผ่านทางบัตรเครดิต โดยสามารถซื้อได้ทั้งผ่านทาง Zune Software บนเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ หรือผ่านทางการใช้งาน Xbox Live ก็ได้เช่นเดียวกัน แต่ก็มีของฟรีให้เลือกลองทำการดาวน์โหลดกันด้วยเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ดีหากใครที่อยากจะใช้งานหรืออยากรู้ว่า Marketplace บน Zune Software เป็นอย่างไรนั้นก็สามารถทำได้โดยต้องทำการตั้งค่าสองส่วนด้วยกันคือ เลือกไปที่ Control Panel บนเครื่อง PC ของคุณเลือกไปที่ Clock, Language and Region à Region & Language และเลือกไปที่ Location ให้เป็น United State เท่านี้ Zune Software ของคุณก็จะมีความสามารถในส่วนของ Marketplace, Smart DJ และ Social ให้ได้ลองใช้งานกันแล้วครับ (อย่าลืมทำการ Restart เครื่องหนึ่งครั้งก่อนใช้งาน) อีกส่วนคือในส่วนของ Windows Live ID ของผู้ใช้ที่ทำการ Sign in เข้าไปยัง Zune Marketplace นั้นต้องมีการระบุตำแหน่งเป็น United State เช่นเดียวกันจึงจะสามารถใช้งานได้
Zune Social
ในส่วนนี้จะเป็นการใช้งานรวมกับผู้ใช้งาน Zune Software คนอื่นๆ ซึ่งผู้ใช้สามารถทำการแบ่งปันเพลง หรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของผู้ใช้ด้วยกันผ่านทาง Zune Social ได้เลยโดยตรง
เล็กๆ น้อยๆ กับ Zune
Zune เป็นที่รู้จักกับชาวโลกครั้งแรกในปี 2006 ในฐานะเครื่องเล่นเสียงแบบพกพาที่ผลิตขึ้นโดยบริษัท Microsoft โดยออกแบบมาเพื่อใช้งานร่วมกับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ Microsoft ไม่ว่าจะเป็น www.zune.net, Zune Software, Xbox 360, Microsoft Kin และโทรศัพท์มือถือ Windows Phone 7 โดยปัจจุบัน Zune มีการออกผลิตภัณฑ์มาถึงเจอเนเรชันที่ 4 (Fourth Generation) แล้วอันประกอบไปด้วย
Zune Player
หรือในอีกชื่อหนึ่งว่า Zune 30 เครื่องเล่นเพลงรุ่นแรกที่เปิดตัวออกมาโดยมาพร้อมดีไซน์เรียบง่าย พร้อมกับปุ่ม 3 ปุ่ม และวงกลมที่เรียกว่า Circular Directional Pad สำหรับการควบคุมการใช้งาน พร้อมหน่วยความจำบนเครื่องขนาด 30 GB นำเสนอผ่านหน้าจอแสดงผลขนาด 3 นิ้ว พร้อมความสามารถในการใช้งานที่เรียกว่า Zune to Zune Transfer สำหรับรับ / ส่งเพลงระหว่างตัวเครื่อง Zune ด้วยกันผ่านทางการเชื่อมต่อ Wi-Fi รวมไปถึงผ่านการเชื่อมต่อ USB ซึ่งสำหรับ Zune รุ่นแรกนี้มีการเปิดตัวออกมาหลากหลายสีสัน ซึ่งเป็นต้นแบบในการออกผลิตภัณฑ์ของ Zune ในรุ่นต่อๆ มา รวมไปถึงยังมีการออก Edition พิเศษๆ ออกมาหลายต่อหลายรุ่นด้วยกัน ก่อนที่จะหยุดการผลิตไปในอีก 3 ปีต่อมา
Zune MP3 Players
ในช่วงระหว่างที่ Zune 30 ได้มีการจำหน่ายอยู่นั้น ในปี 2007 Zune ได้มีการเปิดตัว Zune Generation ใหม่ (Second Generation) ออกมาอีก 3 รุ่นอันได้แก่ Zune 4, 8 และ 80 ออกมา ซึ่งเป็นการออกมาเพื่อเข้าสู่การแข่งขันกับคู่แข่งสำคัญอย่าง Apple iPod Nano และ iPod Classic โดยตรง โดยในส่วนของ Zune 4 และ 8 มีการปรับขนาดให้เล็กลง พร้อมเฉดสีที่มีให้เลือกด้วยกัน 5 สี ในส่วนของหน่วยความจำบนเครื่องเลือกใช้งานแบบ Flash Memory ในส่วนของปุ่มควบคุมมีการใช้งาน Zune Pad ให้ใช้งานกันเป็นครั้งแรกในรุ่นนี้ โดยมาพร้อมหน้าจอแสดงผลขนาด 1.8 นิ้ว รองรับการฟังเพลง, วิทยุ และวิดีโอ พร้อมการเชื่อมต่อผ่านทาง Wi-Fi ขณะที่ Zune 80 ให้คุณบรรจุเพลงได้มากกว่า 20,000 เพลง บนหน้าจอขนาด 3.2 นิ้วเพื่อให้ผู้ใช้ได้ใช้งานวิดีโอกันอย่างสบายตามากขึ้น พร้อมฟังเพลง หรือวิทยุด้วยหู ฟังชั้นดี รวมไปถึงการรองรับการใช้งาน Zune Marketplace และการใช้งาน TV Show & Music ที่สามารถดาวน์โหลดได้ผ่านการเชื่อมต่อ Wi-Fi (ในส่วนนี้รองรับการใช้งานในประเทศสหรัฐอเมริกาเท่านั้น)
อย่างไรก็ดีในปีถัดมา (2008) Microsoft ได้ทำการเปิดตัว Zune ออกมาอีก 2 รุ่นกับ Zune 16 และ Zune 120 ออกมาอีกครั้งนับเป็นเจเนอเรชันที่ 3 โดยการเปิดตัวในครั้งนี้เป็นการเปิดตัวพร้อมกับ Firmware 3.0 อีกด้วย ซึ่งการเปิดตัวนี้เป็นกาทำตลาดครอบคลุมในส่วนของ Media Portable Player ภายใต้แบรนด์ Zune ครบในทุกๆ ขนาดหน่วยความจำ
Zune HD
15 กันยายน 2009 Microsoft และ Zune กระโดดเข้าสู่โลกแห่ง High-Definition อย่างเป็นทางการกับ Zune HD ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดจนถึงปัจจุบัน ที่มาพร้อมขนาดหน่วยความจำในแบบ Flash Memory 3 ขนาด (16 GB, 32 GB และ 64 GB) พร้อมครั้งแรกกับการใช้งานผ่านทางหน้าจอแสดงผลแบบ Touch Screen ขนาด 3.3 นิ้วแบบ OLED Glass Capacitive Multi-Touch 16:9 พร้อม Graphics Card แบบ Nvidia Tegra APX 2600 สำหรับการรับชมภาพในแบบ 2D, 3D และภาพในแบบ HD (720p) พร้อมรองรับการเชื่อมต่อกับโทรทัศน์ที่รองรับการใช้งาน HDผ่านทาง Zune HD AV Dock, พร้อมการใช้งาน Quick Play สำหรับการเข้าถึงมัลติมีเดียที่ชื่นชอบในการใช้งานเดียว, HD Radio, การใช้งาน Web Browser, Smart DJ, Zune Marketplace, Zune Games และการใช้งานอื่นๆ อีกมากมายไม่ว่าจะเป็นการรองรับการใช้งาน Application ยอดนิยมอย่าง Facebook หรือ Twitter