How we buy Things: เลือกซื้ออุปกรณ์ไอทีอย่างไรให้คุ้มค่า
ด้วยความที่ทีมงาน Notebook 888 เกี่ยวข้องกับแวดวงไอที และได้เห็นอุปกรณ์ดิจิตอลต่างๆ ผ่านเข้ามาในสายตาอยู่เสมอๆ เยอะบ้างน้อยบ้าง แต่มันก็มากพอจนทำให้ผู้คนรอบตัวมักจะหยิบยื่นตำแหน่ง “ที่ปรึกษา” ให้เราก่อนจะซื้ออุปกรณ์อะไรสักอย่างเสมอ เช่น “อยากได้มือถือใหม่ซื้อรุ่นไหนดี?” หรือ”โน๊ตบุ๊คเก่าแล้วอยากได้เครื่องใหม่ แนะนำให้หน่อยสิ” แต่ด้วยความสัตย์จริงครับ แม้คำถามเหล่านั้นดูเป็นคำถามง่ายๆ แต่มันเป็นเรื่องลำบากใจอย่างมากสำหรับผู้ตอบ เพราะปัญหาคือ เราไม่อาจคาดเดาความต้องการจริงๆ ของพวกเขาได้ แถมตัวเลือกมันก็มีมากมายจนเราไม่รู้ว่าจะแนะนำอะไรตรงไหนดี เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วทิปส์ของ Notebook888 วันนี้ เราจะมาเสนอวิธีการเลือกซื้ออุปกรณ์ดิจิตอลต่างๆ ให้คุณผู้อ่านได้มีแนวทางในการตัดสินใจก่อนจะซื้ออุปกรณ์เหล่านั้นด้วยตัวเองกันครับ โดยจะขอแนะนำทั้งในแบบภาพรวม และเทคนิคเล็กๆ สำหรับอุปกรณ์แต่ละอย่างไปพร้อมๆ กัน
1. ถามใจตัวเอง
แน่นอนครับว่าใครจะไปรู้ใจเราได้มากกว่าตัวเราเอง ดังนั้นแล้ว สิ่งแรกที่คุณต้องคำนึงถึงก่อนซื้ออุปกรณ์อะไรสักอย่างก็คือการตั้งคำถามกับตัวเองว่า “เราอยากได้ไปทำอะไร และใช้งานแบบไหน?” ตัวอย่างง่ายๆ เช่น ถ้าคุณต้องการซื้อโน๊ตบุ๊คสักเครื่อง เนื่องจากสาเหตุว่าเครื่องเก่าเสีย หรืออยากได้รุ่นใหม่ หรือเหตุผลใดๆ ก็ตาม คุณต้องตั้งคำถามตัวเองว่า คุณอยากได้โน๊ตบุ๊คเครื่องใหม่ไปใช้งานแบบไหน ถ้าคุณสามารถตอบคำถามนี้ได้ คุณก็ตัดตัวเลือกที่มีมากมายไปได้เยอะทีเดียว เช่นหากคุณใช้งานเพียงพิมพ์งานเอกสารทั่วไป เล่นอินเตอร์เน็ตหรือดูหนังฟังเพลงนิดหน่อย คุณก็สามารถประหยัดงบประมาณเพื่อหลีกเลี่ยงโน๊คบุ๊คราคาแพงๆ สเปกสูงๆ แล้วหันไปมองหาโน๊ตบุ๊คระดับกลางแทน หลังจากนั้นหน้าที่ของคุณก็เพียงแค่เลือกรุ่นที่มีดีไซน์หรือขนาดที่ถูกใจเท่านั้น
ขั้นตอนต่อมาก็เป็นอีกส่วนของคำถามคือ “เราจะใช้งานแบบไหน” เช่นถ้าคุณมีการเคลื่อนย้ายต้องพกพาไปไหนมาไหนบ่อยๆ ก็ควรจะเลือกเครื่องที่ดูแข็งแรงสักนิด และถ้ามีน้ำหนักเบา ขนาดเครื่องไม่ใหญ่มาก หรือแบตเตอรี่ใช้งานได้นาน ก็น่าจะตอบโจทย์คุณมากกว่า และอีกหนึ่งคำถามที่สำคัญที่สุดก็คือ งบประมาณ นั่นเองครับ แน่นอนว่าหากคุณมีงบประมาณไม่อั้นสิ่งต่างๆ ก็คงจะไม่ใช่ปัญหา แต่กับคนส่วนใหญ่แล้วก็มักจะติดตรงงบประมาณที่ทำให้เราต้องค่อยๆ มองหา หรือคัดแต่ตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุดให้ตนเอง ซึ่งเมื่อคุณตอบคำถามของตัวเอง และรู้จำนวนเงินในกระเป๋าแล้ว ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนถัดไป คือ “การหาข้อมูล” นั่นเอง
2. หาข้อมูล
เชื่อเหลือเกินว่าเมื่อนึกถึงการหาข้อมูลแล้ว อินเตอร์เน็ตก็น่าจะเป็นคำตอบที่อาจจะไม่เรียกว่าดีที่สุด แต่มันสะดวกที่สุดอย่างแน่นอน เพราะมันมีข้อมูลมากมายให้คุณค้นหา โดยการหาข้อมูลที่เรากำลังพูดถึงนั้นก็ทำง่ายๆ ครับ ให้คุณเข้าไปดูตัวเลือกต่างๆ มากมายหลายยี่ห้อในอินเตอร์เน็ตไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์จากผู้ผลิตโดยตรง หรือเว็บไซต์เปรียบเทียบสินค้าต่างๆ (เช่น www.notebook888.com ของเราสำหรับโน๊ตบุ๊ค) จากนั้นคุณก็ค่อยๆ คัดเลือกแต่รุ่นที่ตรงกับความต้องการของเรา (ผ่านการวิเคราะห์จากปัจจัย ข้อที่ 1) ซึ่งเชื่อเหลือเกินว่าเมื่อมาถึงขั้นตอนนี้แล้ว จากโน๊ตบุ๊คเป็นร้อยรุ่นที่มีอยู่ในตลาด จะถูกตัดออกไปจนเหลือตัวเลือกไม่กี่รุ่นแน่นอนครับ
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดของการหาข้อมูลก่อนจะซื้ออุปกรณ์ดิจิตอลสักอย่าง คือการ “อ่านสเปกให้เป็น” ครับ เพราะตารางสเปก (Specifications) ที่ดูลายตาบนโบรชัวร์ต่างๆนั้น เป็นเหมือนการเอกซเรย์สินค้าชิ้นนั้นๆ ว่ามันสามารถทำอะไรได้ ทำอะไรไม่ได้ และมีจุดด้อยอะไรบ้าง ซึ่งในส่วนนี้ก็เป็นคุณผู้อ่านที่ต้องไปทำการบ้าน เนื่องจากว่าอุปกรณ์แต่ละชนิดนั้นก็มีรายละเอียดของสเปกที่แตกต่างกันไป
3.สัมผัสของจริง
สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น คำเชยๆ ที่ยังคงเป็นจริงอยู่เสมอ มันจะมีอะไรดีไปกว่าการที่คุณได้สัมผัสรูปคลำจับต้องของที่คุณอยากได้ตัวเป็นๆ มากกว่าการนั่งดูภาพสวยๆ ในโทรทัศน์ หรืออินเตอร์เน็ตที่ผ่านมีอทั้งช่างกล้อง การตกแต่งภาพ และการวางแผนการโฆษณาเป็นอย่างดีให้คุณเชื่อเหลือเกินว่าสินค้าเหล่านั้นมันยอดเยี่ยม แน่นอนครับว่ามาตรฐานการผลิตสินค้า และระบบ QC ของแบรนด์ต่างๆ นั้นทำหน้าที่ได้อย่างดี จนสินค้าส่วนใหญ่ในตลาดนั้นอยู่ในคุณภาพที่ดี แต่บางครั้งบางที ภาพสวยๆ ที่คุณเห็นในโฆษณา อาจจะดูกว่าตัวจริงไปบ้าง หรือการทำงานของมันอาจจะไม่ลื่นไหลรวดเร็วเท่าในทีวี ดังนั้นแล้ว ถ้าคุณมีอุปกรณ์รุ่นที่อยู่ในใจเสร็จสรรพ ก็ลองเดินเข้าไปใน Shop เพื่อสัมผัสตัวเป็นๆ ไว้ก่อน ก็ดีกว่ามาเสียใจภายหลังครับ
หลังจากที่เราได้แนะนำการเลือกซื้อสินค้าไอทีเบื้องต้นไปแล้ว สำหรับผู้อ่านบางท่านที่คิดว่าข้อมูลข้างต้นนั้นดูจะเป็นนามธรรมเข้าใจยากไปหน่อย ตอนนี้เราจึงจะขอนำเอารายละเอียดของสินค้าไอทีต่างๆ มาให้คุณได้รู้ว่ามีทริกเทคนิค อะไรที่เราจะนำมาฝากกันบ้าง ว่าแล้วก็ไปดูกันดีกว่า
Notebook
เว็บไซต์ที่คุณกำลังอ่านอยู่มีชื่อว่า Notebook888 ดังนั้นแล้ว หากเราจะไม่ทำการสาธยายถึงรายละเอียดต่างๆ ของโน๊ตบุ๊คก็ดูจะผิดที่ผิดทางไปสักหน่อยนะครับ ดังนั้นเราจึงขอแนะนำเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ในการเลือกซื้อ Notebook ให้คุ้มค่ามาฝากคุณผู้อ่านกัน ตามหัวข้อด้านล่างครับ
สิ่งที่ไม่จำเป็น
แน่นอนว่า CPU นั้นเป็นสิ่งแรกๆ ที่เราจะคิดถึงเมื่อจะซื้อโน๊ตบุ๊คสักเครื่อง และก็แน่นอนอีกเช่นกันนะครับว่ายิ่ง CPU แรง การประมวลผลก็จะทำได้อย่างรวดเร็ว อย่าง 2.6 GHz กับ 1.2 GHz นั้น ย่อมทำงานได้แตกต่างกันมากมาย แต่ในกรณีที่เป็น CPU ตัวเดียวกัน หากเพียงแตกต่างกันตรงที่ Clock Speed ไปบ้าง ความเร็วจะไม่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด แต่ราคาค่าตัวของมันค่อนข้างจะต่างกันมากทีเดียวครับ ตัวอย่างเช่น Intel Core i5 2.3 GHz กับ Core i5 2.5GHz ดังนั้นแล้วถ้าสเปกทุกอย่างเหมือนกันแล้วล่ะก็ การเลือกซื้อรุ่นที่ความเร็วน้อยกว่าสักนิด แต่สามารถประหยัดเงินในกระเป๋าได้หลักพัน ก็น่าจะดีกว่า แต่ถ้าอยากได้สเปกแรงที่สุดเท่าที่จะหาได้เราก็ไม่ว่ากัน
สิ่งที่บางครั้งก็จำเป็น
กราฟิกการ์ด หรือที่เราเรียกกันบ่อยๆ ว่าการ์ดจอนั้นจะเข้ามามีผลอย่างชัดเจนเมื่อคุณใช้งานโปรแกรมประเภทสามมิติ หรือการทำงานเกี่ยวกับภาพต่างๆ ดังนั้นแล้ว หากคุณใช้งานมันเพียงแค่ดูคลิปบน Youtube หรืออะไรแบบนั้น ก็คงไม่มีความจำเป็นที่จะใช้การ์ดจอแรงๆ สักเท่าไหร่ แต่ถ้าหากคุณต้องการเล่นเกมส์ด้วย ก็ขอให้มองหาการ์ดจอแยก (Discrete Graphic Card) เอาไว้จะดีกว่า
อีกหนึ่งสิ่งที่อยากให้คิดถึงก็คือ โปรเซสเซอร์ระดับ Quad-Core ครับ เนื่องจากว่าโปรแกรมทั่วไปส่วนใหญ่แล้วไม่ได้มีการประมวลผลที่ซับซ้อน หรือมีความจำเป็นต้องใช้ CPU ระดับ 4 แกน นอกจากว่า คุณใช้งานจำพวกตัดต่อวิดีโอ การวิเคราะห์ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ หรือทางวิศวกรรม ที่ต้องใช้การประมวลแบบ Multithreaded จึงจะเห็นผลกว่า แถม CPU ประเภท Dual-Core ส่วนมากจะมากับความเร็ว (Clock Speed) ที่สูงกว่าพวก Quad-Core อีกด้วย
สิ่งที่จำเป็น
อันดับแรกคือ RAM นั่นเองครับ เพราะ RAM นั้นมีผลกับความเร็วของเครื่องเรียกได้ว่าพอๆ กับ CPU เลยทีเดียว แถมราคาของ RAM ในทุกวันนี้นั้นค่อนข้างจะถูกลงมาก ดังนั้นการเลือกซื้อ RAM ที่เร็วกว่า บนสเปกเครื่องที่ใกล้เคียงกันแล้ว คุณจะได้ใช้งาน Notebook ที่รวดเร็วกว่าอย่างเห็นได้ชัด ในราคาที่ไม่แตกต่างกันมากนั่นเอง
อีกสิ่งหนึ่งที่บรรดาผู้ผลิตมักจะหยิบยกเอามาเป็นจุดขาย นั่นก็คือระยะเวลาการใช้งานของแบตเตอรี่ ซึ่งโดยมากแล้วพวกเขาจะเลือกแสดงระยะเวลาที่ใช้งานแบบประหยัดแบตเตอรี่มากที่สุด ดังนั้นแล้วหากคุณเห็นคำโฆษณาว่าโน๊ตบุ๊คใช้งานได้นานแล้วล่ะก็ ให้หักออกไปสัก 20 – 30% ก็จะได้อัตราการใช้งานตามจริงสำหรับผู้ใช้ทั่วไปครับ
ส่วนสุดท้ายที่เราคิดว่าสำคัญในการเลือกซื้อโน๊ตบุ๊คก็คือบรรดา Interface ต่างๆ เพราะมันเป็นสิ่งที่คุณจะไม่สามารถแก้ไขได้หากซื้อโน๊ตบุ๊ครุ่นนั้นมาแล้ว ซึ่ง Interface ที่ว่านั้นก็คือ Port ต่างๆ นั่นเองครับ ไม่ว่าจะเป็น USB, HDMI, Ethernet (LAN) ฯลฯ ในยุคที่เรามีอุปกรณ์ต่างๆ มาเชื่อมต่อกับโน๊ตบุ๊คเต็มไปหมด ทั้งสมาร์ทโฟน กล้องดิจิตอล แฟลชไดรฟ์ แอร์การ์ด โทรทัศน์ HD ถ้าหากคุณต้องใช้งานโน๊ตบุ๊คร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆ ล่ะก็ เช็คให้ดีนะครับ ว่ามันมีสิ่งที่คุณต้องการเพียงพอ
Smartphones
ตอนนี้สมาร์ทโฟนนั้นเป็นเหมือนสิ่งที่อุปกรณ์ที่ไม่มีไม่ได้ไปเสียแล้ว โดยเฉพาะในยุคที่โซเชียลเน็ตเวิร์กครอบครองพื้นที่ในชีวิตของเรา อุปกรณ์ที่ผสานผู้คนไว้กับเทคโนโลยีไว้ได้ตลอดเวลา ย่อมเป็นสิ่งที่หลายคนใฝ่หากันไม่มากก็น้อย แล้วก็เป็นอีกครั้งที่บรรดาผู้ผลิตส่งสมาร์ทโฟนรุ่นต่างๆ กันจนเรียกได้ว่าจำชื่อได้ไม่หมด แล้วเทคนิคในการเลือกซื้อสมาร์ทโฟนมีอะไรบ้างนั้น คำตอบอยู่ตรงนี้ครับ
สิ่งที่ไม่จำเป็น
สิ่งที่ดูไม่ค่อยจะจำเป็นในคำโฆษณาของแบรนด์สมาร์ทโฟนต่างๆ ก็คือ Noise Reduction หรือเทคโนโลยีกำจัดเสียงรอบข้างนั่นเองครับ โดยมันจะลดเสียงรอบๆ อย่างเสียงดังของรถบนถนนให้เบาลงด้วยโปรแกรมภายในเครื่อง ซึ่งผลของมันจะอยู่ที่คู่สนทนาของเราเท่านั้น แต่สำหรับเราแล้วเสียงดังรอบๆ ตัวก็ยังรบกวนการสนทนาอยู่ดี ดังนั้นแล้ว ไม่ต้องสนใจฟีเจอร์นี้มากนักครับ เพราะเทคโนโลยี Noise Reduction ที่ดีที่สุดคือการใช้สองเท้าเดินไปหาที่เงียบๆ คุยจะได้ผลกว่า
HDMI Port ส่วนต่อมาคือ HDMI Port ที่เอาไว้เชื่อมต่อภาพบนหน้าจอของคุณเข้ากับอุปกรณ์อย่างโทรทัศน์ HD หรือโปรเจคเตอร์ แต่ประเด็นก็คือสมาร์ทโฟนที่คุณใช้อยู่นั้น มีไฟล์วิดีโอ หรือภาพยนตร์ ที่จำเป็นต้องต่อออกไปฉายยังอุปกรณ์ภายนอกหรือไม่ แล้วถ้ามี คุณจะได้ใช้มันสักกี่ครั้ง แถมหน่วยความจำภายในเครื่องก็ไม่ได้มีมากพอให้คุณเก็บไฟล์วีดีโอชัดๆ ได้เพียงพออีกต่างหาก
สิ่งที่บางครั้งก็จำเป็น
ความละเอียดของกล้องดิจิตอลบนสมาร์ทโฟนก็เป็นอีกฟีเจอร์หนึ่งที่ถูกยกขึ้นมาขายในโฆษณาอยู่บ่อยๆ ยิ่งตอนนี้ความละเอียดสูงสุดที่มีน่าจะ 12 ล้านพิกเซล ซึ่งเป็นขนาดที่ใหญ่มากๆ เรียกว่าใหญ่กว่ากล้อง DSLR บางรุ่นเสียอีกครับ แต่ความละเอียดกับความสวยงามนั้นไม่ใช่เรื่องเดียวกัน กล้องสมาร์ทโฟนความละเอียดสูงไม่ได้หมายความว่าถ่ายภาพแล้วจะสวยมาก แต่มันหมายความว่ามันรองรับการขยายภาพได้มากกว่านั่นเอง ดังนั้นแล้ว หากคุณไม่ได้มีความจำเป็นจะถ่ายภาพจากมือถือแล้วซูมเข้าไปอีก 200% บนคอมพิวเตอร์แล้ว ความละเอียดสูงๆ ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับคุณ แต่ก็เช่นกัน หากกล้องมันมีความละเอียดน้อยนิดไม่ถึง 1 ล้านพิกเซล แล้วคุณอัพโหลดภาพลง Facebook เพื่อเปิดใน PC ล่ะก็ ภาพที่ได้อาจแตกละเอียดไม่สวยงามอย่างที่อยากให้เป็น สรุปแล้ว ณ ตอนนี้ 3-5 ล้านพิกเซลกำลังพอดีครับ ไปเน้นที่แอพพลิเคชันแต่งรูปสวยๆ ดีกว่า
อีกหนึ่งเรื่องที่บรรดาผู้ผลิตดูจะแข่งขันกันเหลือเกินคือความเร็วการประมวลผลสมาร์ทโฟน ซึ่งตอนนี้เราได้เห็น Dual-Core Processor มาสักพักแล้ว และเชื่อว่าอีกไม่นานก็คงจะมีสมาร์ทโฟนบน Quad-Core ออกมาเต็มตลาดอย่างแน่นอน แต่ความเป็นจริงแล้ว การใช้งานบนมือถือที่เรียกทรัพยากร CPU มากสุด ก็เป็นการเล่นเกมส์สามมิติ ซึ่ง ณ ปัจจุบัน CPU ความเร็ว 1GHz แบบ Dual-Core ใดๆ ก็เยงพอต่อการใช้งานในแอพพลิเคชั่นปัจจุบัน สิ่งสำคัญที่ควรเน้นกลับเป็น OS มากกว่า คือยิ่ง OS ใหม่ ก็จะทำงานได้ไหลลื่นขึ้น แต่หากคุณไม่ต้องการเปลี่ยนเครื่องบ่อยๆ แล้วอยากได้ CPU แรงๆ เพื่อรองรับการอัพเดตในอนาคต จะเลือกใช้ Core เยอะๆ ก็ไม่ว่ากัน
สิ่งที่จำเป็น
สิ่งที่ควรคำนึงถึงเมื่อต้องการซื้อสมาร์ทโฟนก็คือขนาดของหน้าจอนั่นเองครับ เพราะหลายครั้งที่เราถูกใจกับสเปกและฟังก์ชั่นต่างๆ ภายในเครื่อง แต่ต้องมาอึดอัดเมื่อยัดใส่กระเป๋ากางเกงแล้วมันแน่นปริเพราะขนาดเครื่องใหญ่เกินไป หรือไม่อยากพกสมาร์ทโฟนเครื่องใหญ่ๆ แต่ต้องใช้พิมพ์งานเอกสาร หน้าจอเล็กเกินไปก็ต้องเพ่งจนไม่สบายตา ดังนั้นแล้ว ให้ลองสัมผัสตัวจริงของสมาร์ทโฟนขนาดที่พอดีกับคุณที่สุด รวมไปถึงความละเอียดในการแสดงผลว่ามันแสดงตัวอักษรได้ชัดเจนที่สุดประมาณไหนก็เป็นเรื่องที่ต้องไปทดลองเช่นกันครับ
Tablets
ทริกในการเลือกซื้อสุดท้ายที่จะแนะนำกันก็คือ อุปกรณ์ใหม่เอี่ยมที่โลกเราเพิ่งได้รู้จักอย่างแท็บเล็ตนั่นเองครับ ซึ่งต้องบอกไว้เลยว่าแท็บเล็ตนั้นค่อนข้างจะใหม่ และมีความหลากหลายสูงมาก เพราะมันมีหลายขนาด และรูปแบบการใช้งานที่แตกต่างกัน ทั้งรุ่นที่มีอุปกรณ์เชื่อมต่อเป็นคีย์บอร์ด หรือใช้ Stylus ขีดๆ เขียนๆ ลงไปบนหน้าจอ ดังนั้นก่อนเลือกซื้อแท็บเล็ตนั้น คุณต้องหาข้อมูลให้ดี และมองถึงความต้องการของตัวเองให้ชัดเจนเป็นดันดับแรก
สิ่งที่ไม่จำเป็น
อย่างที่บอกไว้ด้านบนครับว่าแท็บเล็ตนั้นมีความหลากหลายมาก ดังนั้นเราจึงไม่สามารถตัดสินได้ว่าสิ่งใดไม่จำเป็นเพราะมันขึ้นอยู่กับการใช้งานของคุณล้วนๆ แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือ ด้วยความที่แท็บเล็ตค่อนข้างจะเป็นตลาดใหม่ ผู้ผลิตจึงต่างัดเอาเทคโนโลยีที่ดีที่สุดมาใส่ไว้เพื่อแย่งลูกค้ากันอย่างเต็มที่ดังนั้นจึงต้องขอย้ำอีกครั้งครับว่า ต้องหาข้อมูลให้ดี และมองถึงความต้องการของตัวเองให้ชัดเจนก่อนจะติดสินใจซื้อ
สิ่งที่บางครั้งก็จำเป็น
แท็บเล็ตนั้นมีพอร์ทเชื่อมต่อหลายรูปแบบมากมาย ทั้งพอร์ทมาตรฐานเดียวกับ Notebook อย่าง USB, HDMI, SD Card ไปจนถึง Mini SD Card หรือพอร์ทแบบ All-in-One อย่าง Universal Port ใน iPad หรือบางรุ่นที่สามารถต่อคีย์บอร์ดเข้าไปได้ ซึ่งคุณก็ต้องคิดให้ดีกว่าจะนำมาใช้เชื่อมต่อกับอะไรหรือไม่ ถ้าหากต้องการใช้เป็นเครื่องอ่าน E-Books หรือเล่นเว็บเป็นหลักแล้วก็อาจจะไม่ต้องใช้พอร์ทอะไรมากมาย หรือถ้าจะใช้เป็นอุปกรณ์สำหรับการพรีเซนต์งานต่างๆ ก็ให้เลือกมองหารุ่นที่รองรับ HDMI เพื่อต่อเข้าเครื่องฉาย และมี USB ตัวเต็มเพื่อเสียบอุปกรณ์ต่างๆ ได้จะดีกว่าครับ
สิ่งที่จำเป็น
สิ่งที่คุณต้องคำนึงถึงเป็นอย่างแรกในการเลือกซื้อแท็บเล็ตคือขนาดของตัวเครื่องครับ เพราะมันหมายความถึงขนาดหน้าจอ น้ำหนักของเครื่อง และการใช้งานที่แตกต่างกันไป ก็ยังคงต้องย้อนกลับไปที่แนวคิดเดิมสำหรับแท็บเล็ตคือคุณต้องการใช้งานแบบไหน ถ้าต้องพกพาบ่อยๆ ก็ให้หารุ่นที่ขนาดไม่ใหญ่นัก น้ำหนักเบา แต่แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน หรือถ้าต้องการดูหนัง และเล่นเกมส์เป็นหลัก ก็คงต้องเลือกรุ่นที่หน้าจอใหญ่ๆ ความละเอียดสูงๆ เพื่ออรรถรสที่ดีสำหรับความบันเทิงของคุณนั่นเองครับ