แท็บเลตรุ่นทิ้งท้ายปี 2011 ตัวจริงสำหรับ SAMSUNG Galaxy Tab 7.0 Plus ที่เป็นรุ่นพัฒนาต่อจากในรุ่นเดิมที่ออกมาเมื่อประมาณปี 2010 นั่นเอง เอาละครับเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาไปดูพร้อมกันครับว่า “Plus” ที่เพิ่มเติมขึ้นมานี้มีอะไรดีกว่าเดิม
หากพูดถึง SAMSUNG Galaxy Tab 7.0 แล้วนับเป็นรุ่นแรกของ SAMSUNG ในการทำตลาดแท็บเลต และได้รับความนิยมมากจนมีรุ่นน้องๆ ตามหลังกันออกมาอีกเพียบอย่างที่ทราบกัน รวมไปถึงเป็นรุ่นเดียวที่รองรับการใช้งานโทรศัพท์ได้ในตัว โดยการกลับมาในรุ่นใหม่ชื่อใหม่อย่าง SAMSUNG Galaxy Tab 7.0 Plus นั้นก็ยังคงมีการใช้งานโทรศัพท์ให้ใช้งานกันอยู่เช่นเดิม ขณะที่ในส่วนรุ่นที่จำหน่ายนั้นมีทั้งการรองรับสำหรับคลื่นความถี่ 3G ทั้งแบบ 850 / 2100 MHz และ 950 / 2100 MHz ให้เลือกกันด้วย โดยในส่วนของตัวเครื่องนั้นมีการปรับปรุงทั้งในเรื่องของฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์พอสมควรทีเดียวครับ โดยมีการความแตกต่างดังต่อไปนี้
ความแตกต่างหลักๆ ระหว่าง SAMSUNG Galaxy Tab 7.0 และ SAMSUNG Galaxy Tab 7.0 Plus
|
SAMSUNG Galaxy Tab 7.0 |
SAMSUNG Galaxy Tab 7.0 Plus |
Dimension |
190.1 x 120.5 x 12 mm |
193.7 x 122.4 x 9.9 mm |
Weight |
380 g |
345 g |
OS |
Android 2.2 |
Android 3.2 |
Display |
TFT Capacitive 7.0” |
PLS-LCD 7.0” |
CPU |
Single-Core Processor; 1 GHz |
Dual-Core Processor; 1.2 GHz |
Secondary Camera |
1.3 MP |
2.0 MP |
HSDPA |
7.2 Mbps |
21 Mbps |
เรียกว่ามีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมากทีเดียวครับในรุ่นใหม่นี้ โดยในส่วนของตัวเครื่องนั้นบางลงกว่าเดิมประมาณ 2 มิลลิเมตร วัสดุหลักๆ ที่ใช้เป็นตัวเครื่องยังคงเหมือนเดิมคือพลาสติกแบบ Glossy มันวาว เรียกว่าบางกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ในส่วนของดีไซน์ยอมรับว่ารู้สึกเหมือนของค่าย Apple อยู่บ้างไม่น้อย แต่ก็ช่วยให้การถือจับกระชับมือมากยิ่งขึ้นกับตัวเครื่องที่ใหญ่กว่าหนังสือการ์ตูนแค่นิดเดียวเท่านั้น
ในส่วนของ OS บนเครื่องเป็น Android 3.2 เวอร์ชันสุดท้ายของ Honeycomb ที่ตอนนี้ยังไม่มีการยืนยันจาก SAMSUNG ว่าจะมีการอัพเกรต Android 4.0 ได้หรือไม่ แต่ส่วนตัวคิดว่ามีโอกาสเหมือนกัน แต่อาจจะต้องรอรุ่นใหม่อย่าง SAMSUNG Galaxy Tab 7.7 ออกมาเสียก่อนแล้วค่อยมาว่ากันอีกที ในส่วนของ CPU นั้นเป็นแบบ Dual-Core Processor; 1.2 GHz ที่ผมคิดว่ามันก็ควรจะต้องเป็นระดับนี้แล้ว สำหรับรุ่นที่เป็นเหมือนรุ่น Minor Change อย่างรุ่นนี้
สำหรับ UI นั้นเลือกใช้แบบเดียวกับที่ใช้ในรุ่น 8.9 และ 10.1 กับ SAMSUNG TouchWiz UX UI มาพร้อม Live Panel สำหรับเลือกการใช้งานให้เหมาะการใช้งานของแต่ละคน ซึ่งตรงนี้จะเป็นในรูปแบบของสี่เหลี่ยม และสามารถปรับลดขนาดของ Widget ได้ตามต้องการ รวมไปถึง Mini Apps ที่ช่วยให้เข้าถึงแอพพลิเคชันที่ใช้งานบ่อยได้ง่ายขึ้น แต่จะปรับเปลี่ยนเมนูใช้งานไม่ได้ล๊อคมาแบบนี้เลย
SAMSUNG Galaxy Tab 7.0 Plus Specification
2G Network |
Quad-band (850 / 900 / 1800 / 1900 MHz) |
3G Network |
HSDPA (850 / 900 / 2100 MHz) |
OS |
Android 3.2 (Honeycomb) |
CPU |
Dual-Core Processor; 1.2 GHz |
Dimensions |
193.6 x 122.3 x 9.9 mm. |
Weight |
345 g |
Display |
PLS LCD 7.0” |
Memory |
16 GB / Micro SD |
Connection |
HSDPA (21 Mbps), HSUPA (5.76 Mbps), Wi-Fi 802.11 a/b/g/n, Wi-Fi Direct, Bluetooth 3.0, USB |
Camera |
3.15 MP with Auto Focus and LED Flash / Secondary Camera 2.0 MP |
Video |
Yes (720p) |
Features |
SAMSUNG TouchWiz / Social Hub / Live Panel / Mini Apps / Flash Player / Video Full HD Support / Adobe Flash Player |
Battery |
Li-lon 4,000 mAh |
Standby Time |
N / A |
Talk Time |
N / A |
Price |
15,900 |
ดูกันชัดๆ กับความคมชัดระหว่าง 7.0 Plus กับ 7.0
ฟังก์ชันโดยรวมนั้นถือว่าเหมาะกับราคาที่ออกมา ได้ Dual-Core 1.2 GHz ด้วย น่าสนใจทีเดียวในส่วนนี้ ดูการทำราคาออกมาแล้วผมคิดว่า SAMSUNG คงเตรียมทำสงครามราคาอีกสักรอบกับคู่แข่งในระดับเรตราคาใกล้ๆ กัน แต่ SAMSUNG เด่นกว่าตรงเรื่องเป็นโทรศัพท์ได้ด้วยในตัว ซึ่งเป็นจุดแข็งของรุ่นนี้ครับ แต่จุดด้อยสำหรับผมแล้วคือความรู้สึกของผู้ใช้หลายๆ คนยังมองว่าแบรนด์จากเกาหลีรายนี้ยังไม่ทนทานเท่าไร รวมถึงวัสดุที่ใช้นั่นเอง ซึ่งตรงนี้ก็ต้องให้ “คุณภาพ” พิสูจน์เสียงวิจารณ์กันต่อไปครับ
วัดความหนาของตัวเครื่องระหว่าง 7.0 Plus กับ 7.0 รุ่นปกติ
มาดูภายในเครื่องกันบ้างครับ ฟังก์ชันรวมๆ ของรุ่นนี้หากใครมี SAMSUNG Galaxy 8.9 หรือเป็นเจ้าของ 10.1 มาแล้วก็อาจจะคุ้นตากันดีกับฟังก์ชันต่างๆ ในนี้ ดังนั้นผมจะพูดถึงเรื่องของการโทรศัพท์เป็นอันดับแรก โดยการใช้งานนั้นจะสามารถได้ทั้งแบบยกแนบหูฟัง หรือจะผ่านลำโพงมัลติมีเดียของเครื่อง และผ่านทางการใช้งาน Bluetooth Headset ก็ได้เช่นกันครับ เป็นสามทางเลือกให้ใช้งานกัน รวมไปถึงการรองรับการใช้งาน Video Call ด้วย ขณะที่การใช้งานอื่นๆ นั้นสามารถใช้งานได้ปกติเหมือนใช้งานโทรศัพท์มือถือทั่วไป เสียงสนทนาหลังจากลองใช้งานถือว่าโอเคครับ ดังชัดเจนดี แต่ว่าการยกเครื่องมาสนทนายังไงก็ไม่คุ้นครับ 555
เรื่องกล้องดิจิตอลหลัก 3 ล้านพิกเซล ถือว่ามาน้อยไปหน่อยสำหรับแท็บเลตรุ่นหลังๆ ที่มากันที่ระดับ 5 ล้านกันไปแล้ว รูปแบบการใช้งานมีให้เลือกพอตัว ที่ดูแล้วน่าสนใจก็คือถ่ายภาพได้หลายแบบดีครับทั้ง Panorama, Smile Shot รวมไปถึงโหมดการใช้งานกลางแจ้ง สำหรับวิดีโอนั้นรองรับระดับ HD ในการบันทึก แต่สามารถรับชมได้ในระดับ Full HD
การใช้งานแอพพลิเคชันนั้นมีให้เลือกสองทางคือผ่านทางการดาวน์โหลดด้วย Android Market และผ่านทาง SAMSUNG Apps ซึ่งก็ไม่ต่างกันมากนัก แต่ในส่วนหลังนั้นจะมีแอพพลิเคชันที่คัดมาแล้วจากทาง SAMSUNG ว่าสามารถใช้งานได้ดีบนตัวเครื่อง และแอพพลิเคชันเฉพาะจาก SAMSUNG มีทั้งแบบฟรี และเสียเงินให้ใช้ให้ลองกัน รวมไปถึงเรื่องของการใช้งาน Hub บนเครื่องที่รุ่นนี้มี Social Hub สำหรับการอัพเดตข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Message, E-Mail หรือว่า Social Network ต่างๆ ในที่เดียว ขณะที่ Readers Hub นั่นสามารถหาหนังสือ หรือนิตยสารต่างๆ ได้โดยผ่านการดาวน์โหลดจากทาง SAMSUNG App
ในส่วนการเชื่อมต่อบนเครื่องนั้นมีให้เลือกมากมายอย่างที่บอกกันไปในส่วนของ Spec แล้วนะครับ แต่ทางด้านของอุปกรณ์เสริมนั้นตัวเครื่องรุ่นนี้มีอุปกรณ์เสริมหลายๆ ตัวไม่ว่าจะเป็น Keyboard Dock หรือว่า USB Connector ที่สามารถนำของรุ่น 8.9 / 10.1 มาใช้งานด้วยได้ครับ
ช่องเสียบ SIM Card ขนาดมาตรฐาน และช่องเสียบ Micro SD
สรุป
น่าจะตอบความต้องการของหลายๆ คนที่อยากได้แท็บเลต แต่อยากได้โทรศัพท์ด้วยในตัวครับ การใช้งานในภาพรวมๆ แล้วไม่ต่างจากในรุ่น 8.9 หรือ 10.1 เท่าไร แต่ด้วยขนาดที่ลดลงทำให้พกพาง่ายขึ้น ฟังก์ชันนั้นอยู่ในระดับปานกลางครับไม่ถึงกับว่ายอดเยี่ยม แต่มีครบหมดบนระบบปฏิบัติการ Android 3.2 Dual-Core 1.2 GHz น่าจะเป็นทางเลือกที่หลายๆ คนมองหา ส่วนตัวถือว่า SAMSUNG เปิดราคา 15,900 บาทออกมาน่าสนใจทีเดียว เพราะถือว่าไม่แพงนักในตลาดแท็บเลตด้วยกัน แต่ได้โทรศัพท์ด้วย ความรู้สึกของคนใช้มันก็ได้ใจไปเยอะ ในขณะที่แบรนด์อื่นยังไม่มีรุ่นไหนทำแบบนี้ออกมา ตัวเลือกเลยไม่มีเปรียบเทียบนัก สิ่งที่ผมชอบที่สุดของรุ่นนี้คือดีไซน์ที่ออกมาแล้วมันดูน่าใช้งานมากครับเมื่อได้สัมผัสจริงๆ โค้งมนบางเหมาะมือ
อย่างไรก็ดีหากคนที่สนใจอยากได้แท็บเลตจริงๆ ก็มีทางเลือกอีกพอสมควรเพราะมองอีกมุมหนึ่งเพิ่มเงินอีก 3,000 บาทจะได้เป็นหน้าจอ 10” แล้ว ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้งานของแต่ละคนเป็นหลักครับ สำหรับผมให้มาถือแท็บเลตยกคุยคงไม่ใช่ หรือต่อให้เสียบ Small Talk , Bluetooth Headset ก็ยังไม่ใช่อยู่ดี ดังนั้นตรงนี้ใครชอบแบบไหนก็เลือกกันไปครับ
ขอขอบคุณบริษัท ไทยซัมซุง อิเลคทรอนิคส์ จำกัด ที่เอื้อเฟื้ออุปกรณ์ในการทดสอบ
บทความทั้งหมดโดย BoyDacZ / ภาพถ่ายตัวผลิตภัณฑ์ทั้งหมดถ่ายด้วย Canon Powershot G12
Design | 9 |
Performance | 9 |
Feature | 8.5 |
Value | 8 |
Overall | 8.6 |